- Details
- Category: คลัง
- Published: Thursday, 10 November 2016 09:25
- Hits: 3108
สศค.เผยต.ค.59 รัฐจัดเก็บรายได้ สูงกว่าประมาณการ 5.9% เชื่อ `ทรัมป์` ทำตลาดทุนโลกผันผวน พร้อมคาดเฟดขึ้นดบ.เดือนหน้า
สศค.เผยต.ค.59 รัฐจัดเก็บรายได้ รวมทั้งสิ้น 198,912 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 11,018 ลบ. หรือ 5.9% มองหาก ‘ทรัมป์’ คว้าชัยปธน.สหรัฐฯ จะกระทบตลาดเงิน-ตลาดทุนทั่วโลกระยะสั้น มั่นใจไทยยังรองรับความผันผวนได้ ประเมินเฟดมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมรอบสุดท้ายของปีในวันที่ 24 ธ.ค.59
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้ในเดือนตุลาคม 2559 (เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560) พบว่า รัฐบาลจัดเก็บรายได้รวมทั้งสิ้น 198,912 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 11,018 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5.9% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 19% โดยกรมจัดเก็บภาษีทั้ง 3 กรม ประกอบด้วย กรมสรรพากรเก็บได้เกินเป้าหมายเล็กน้อยที่ 673 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของจัดเก็บภาษีนิติบุคคล-บุคคลธรรมดา
ขณะที่กรมสรรพสามิต จัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อยจากภาษีสุรา-ยาสูบ ด้านกรมศุลกากร ยังจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ 2,000 ล้านบาท ส่วนรายได้ของรัฐบาลที่จัดเก็บได้เพิ่มขึ้นมาจากรายได้ของรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นๆที่นำส่งเพิ่มขึ้น ขณะที่การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม VAT ยังขยายตัวดี สะท้อนว่าการบริโภคยังเติบโตต่อเนื่อง จากการนำเข้าที่หดตัวลดลง
นายวโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล รองผู้อำนวยการ สศค. กล่าวถึงการเลือกประธานาธิบดีสหรัฐ ว่า ยืนยันว่า ทั้ง Democrat และ Republican มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดย สศค.ประเมินในเบื้องต้นว่า หาก Hillary Clinton พรรค Democrat ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ จะเห็นความต่อเนื่องของการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจและสังคมที่ชัดเจน โดยยังเน้นการช่วยเหลือชนชั้นกลาง ลดความเหลื่อมล้ำของคนในสังคม ซึ่งทำให้ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทั้งตลาดเงิน ตลาดทุนค่อนข้างน้อย รวมถึงจะส่งผลดีต่อภาพรวมทั้งตลาดเงิน-ตลาดทุนของไทยมากกว่าRepublican ชนะการเลือกตั้ง
ขณะที่หากการเลือกตั้งในครั้งนี้ Donald Trump พรรค Republican ชนะเลือกตั้ง ในระยะสั้นสิ่งที่จะเห็นชัดเจน คือ การเคลื่อนไหวของตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลกมีความผันผวน เนื่องจาก Trump ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องนโยบายว่าจะดำเนินการอย่างไรบ้าง ซึ่งตัวเลขของผลคะแนนตอนนี้ ก็ค่อนข้างผิดจากที่มีการคาดหมายเอาไว้ ซึ่งอย่างไรก็ตามคงต้องติดตามคะแนนล่าสุดที่จะออกมาก่อน
“เรามองว่า Trump เข้ามาจะมีความเสี่ยงมากกว่า เพราะความไม่ชัดเจนของนโยบาย แต่ในระยะกลาง ทั้ง 2 พรรค มีนโยบายด้านการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หรือการเติบโตของ GDP ที่มีความคล้ายกัน ขณะที่หาก Trump เข้ามาความกังวลจะเป็นปัจจัยเสี่ยงจนกระทบกับไทยหรือไม่ คงมีในเรื่องของความไม่มั่นใจของนักลงทุน อาจส่งผลให้เงินทุนไหลออก และวิ่งหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยแทน แต่อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ภาพรวมของไทยขณะนี้มีเสถียรภาพ เงินทุนสำรองระหว่างประเทศมีความแข็งแกร่ง จึงเชื่อว่าจะสามารถรองรับความผันผวนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างแน่นอน”นายวโรทัย กล่าว
นายวโรทัย กล่าวว่า นอกจากในเรื่องของการเลือกตั้งดังกล่าวแล้ว ในวันที่ 24 ธันวาคมนี้ จะมีการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ หรือ FOMC ซึ่งในเบื้องต้น คาดการณ์ว่า FOMC จะตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยเล็กน้อยในการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย .